Skip to main content

เมื่อเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2025 ได้มีการจัดการประชุ มเชิงปฏิบัติการเพื่อการขยายผลในระดับภูมิภาคแอฟริกา (Africa Regional Extension Workshop) ภายใต้โครงกา Transformative Pathways, ณ ประเทศเคนยา โดยมีโครงการพัฒนาชนพื้นเมือง Chepkitale (Chepkitale Indigenous People Development Project – CIPDP) และเครือข่ายข้อมูลชนพื้นเมือง (Indigenous Information Network – IIN) ร่วมเป็นเจ้าภาพวัตถุป ระสงค์ของการประชุม เชิงปฏิบัติการครั้งนี้คือการสำรวจโอกาสในการต่อยอดและขยายกิจกรรมที่อยู่ระหว่างการทดลองดำเนินการภายใต้โครงการ Transformative Pathways ให้กว้างขึ้นในระดับภูมิภาค รวมถึงร่วมมือกับพันธมิตรระดับช ติรายใหม่ในภูมิภาคนี้ การประชุมเชิงปฏิบัติการครั้งนี้ยังมีเป้าหมายเพื่อแลกเปลี่ยนบทเรียนที่ได้รับ และสำรวจทั้งความเหมือนแ ะความแตกต่างในการติ ิดตามตรวจสอบความ หลากหลายทางวัฒนธรรมและชีวภาพที่ดำเนินการโดยชุมชนในพื้นที่อีกด้วย

การประชุมเชิงปฏิบัติการจัดขึ้นที่ Laboot, Mt. Elgon ระหว่างวันที่ 4–5 มิถุนายน และที่ Naramam, West Pokot ระหว่างวันที่ 7–8 มิถุนายน การประชุมครั้งนี้เป็นเวทีที่รวมผู้แทนชนพื้นเมืองจากกลุ่ม Ogiek, Pokot, Samburu และ Maasai ที่ทำงานร่วมกับ CIPDP และ IIN รวมถึงผู้แทนจากชนพื้นเมือง Sengwer และ Aweer ในประเทศเคนยา ตลอดจนผู้แทนจากชุมชนและองค์กรต่าง ๆ ในไลบีเรีย คองโก สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก มาดากัสการ์ และยูกันดา ที่ Laboot ผู้อาวุโสชาว Ogiek ได้เปิดการประชุมด้วยการนำผู้เข้าร่วมทำพิธีกรรมแบบดั้งเดิม การประชุมเชิงปฏิบัติการดำเนินต่อไปด้วยการอภิปรายในสามประเด็นสำคัญ ได้แก่ การติดตามตรวจสอบ ความเท่าเทียมทางเพศ และและการผลักดัน

“ผมได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างจากที่นี่ โดยเฉพาะในด้านการกำกับดูแลโดยชุมชนและการอนุรักษ์โดยชุมชน เพราะว่าสิ่งเหล่านี้ยังไม่ได้เกิดขึ้นในคองโก” Erick Nkodia เลขาธิการศูนย์สนับสนุนการพัฒนาชุมชน (Community Development Support Center – CECD) แห่งสาธารณรัฐคองโก กล่าว

Community conservation rooted in knowledge and technology

ในฐานะหนึ่งในเจ้าภาพและพันธมิตรของโครงการ Transformative Pathways องค์กร CIPDP จึงได้แบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมของโครงการที่ส่งเสริมการอนุรักษ์ระดับรากหญ้า ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานของภูมิปัญญาดั้งเดิมและการติดตามตรวจสอบความหลากหลายทางชีวภาพ พร้อมทั้งความพยายามในการผลักดันร่วมกันเพื่อสนับสนุนการริเริ่มการอนุรักษ์ที่นำโดยชุมชนในภูมิภาค Mt. Elgon

“พวกเราติดตามพื้นที่ต่าง ๆ (ใน Mt. Elgon) ตามเขตนิเวศและภูมิปัญญาดั้งเดิมของชนพื้นเมืองของเรา ซึ่งเราถ่ายทอดให้กับลูกหลาน ดังนั้นเมื่อพวกเขากำลังติดตามตรวจสอบ ก็จะทำควบคู่ไปกับประวัติศาสตร์เฉพาะของผืนแผ่นดินของตนเอง” Cosmas Murunga ผู้อาวุโสชาว Ogiek และประธานสภาผู้อาวุโสแห่ง Chepkitale กล่าว

ชาว Ogiek ได้อาศัยผู้ตรวจสอบความหลากหลายทางชีวภาพที่ผ่านการฝึกอบรม เป็นผู้สาธิตวิธีการติดตามตรวจสอบที่สอดคล้องกับภูมิปัญญาดั้งเดิมของชนพื้นเมือง เพื่อประเมินความหลากหลายของพืชและสัตว์ภายในดินแดนของพวกเขา ข้อมูลที่เก็บรวบรวมได้จะถูกส่งต่อให้กับผู้อาวุโสชาว Ogiek หลังจากนั้นผู้อาวุโสก็จะหารือกับคณะผู้นำชุมชนส่วนอื่น ๆ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการตัดสินใจสืบต่อไป หากแนวโน้มของข้อมูลที่ติดตามตรวจสอบได้เกินขอบเขตอำนาจการตัดสินใจของชุมชน พวกเขาจะปรึกษาหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องเพื่อให้มั่นใจว่าจะมีการดำเนินการที่เหมาะสม

ตรวจสอบยังได้สาธิตการใช้ co-mapeo ซึ่งเป็นเวอร์ชันที่พัฒนาขึ้นจากแพลตฟอร์มดิจิทัล Mapeo ที่ช่วยให้สมาชิกชุมชนสามารถเก็บข้อมูลจากภาคสนามได้ผ่านโทรศัพท์มือถือ ปัจจุบันชุมชนกำลังประยุกต์ใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์หลายรูปแบบ เช่น การเดินเส้นตัวอย่าง (Line transect) การใช้แปลงตัวอย่าง (Quadrat) การติดตั้งกล้องดักถ่าย (Camera traps) และการสำรวจจากจุดสูง (High-point survey) การทำงานด้านการติดตามตรวจสอบนี้นำโดยเยาวชนชุมชนสองคนที่ได้รับทุนเข้าร่วมการอบรมเป็นเวลา 3 เดือน ด้านการติดตามตรวจสอบความหลากหลายทางชีวภาพที่ขับเคลื่อนโดยชุมชน ณ มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด ภายใต้ศูนย์วิทยาศาสตร์การอนุรักษ์สหวิทยาการ (Interdisciplinary Center for Conservation Science – ICCS)

ผู้ตรวจสอบอธิบายว่า co-mapeo เวอร์ชันปรับปรุงมีฟีเจอร์เพิ่มเติมที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย เช่น การบันทึกเสียง การติดตามตำแหน่ง ความปลอดภัยของข้อมูลที่สูงขึ้น การแสดงผลภาพที่ชัดเจนขึ้น และการซิงโครไนซ์ข้อมูลที่สะดวกยิ่งขึ้น

Helen Newing จาก ICCS กล่าวถึงบทบาทขององค์กรในฐานะหนึ่งในพันธมิตรระดับโลกของโครงการ ที่ให้การสนับสนุนชุมชนในการจัดตั้งระบบติดตามตรวจสอบความหลากหลายทางชีวภาพ การสนับสนุนนี้ดำเนินการผ่านการทำงานภาคสนาม เพื่อช่วยออกแบบและทดลองใช้ระเบียบวิธีการติดตามตรวจสอบความหลากหลายทางชีวภาพร่วมกับพันธมิตรหลายฝ่าย นอกจากนี้ ยังสนับสนุนผ่านการจัดพิมพ์คู่มือเกี่ยวกับเครื่องมือและแนวทางสำหรับการติดตามตรวจสอบความหลากหลายทางชีวภาพที่ขับเคลื่อนโดยชุมชน ซึ่งพัฒนาโดย ICCS และเผยแพร่ให้แก่ชุมชนรวมถึงผู้ที่ทำงานร่วมกับพวกเขาในพื้นที่อื่น ๆ อีกด้วย Newing ยังได้สะท้อนประสบการณ์จากทั้งประเทศไทยและเคนยา โดยเน้นย้ำว่าการติดตามตรวจสอบที่ขับเคลื่อนโดยชุมชนสามารถเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นระหว่างชุมชนท้องถิ่นกับหน่วยงานภาครัฐได้

การฟื้นฟูที่ดินซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานของความร่วมมือร่วมใจ

จาก Mt. Elgon การประชุมเชิงปฏิบัติการก็ได้ย้ายไปจัดที่ Naramam ในเขต West Pokot ซึ่ง IIN ได้นำเสนอตัวอย่างผลงานของตนภายใต้โครงการ Transformative Pathways นับตั้งแต่เริ่มโครงการ IIN ได้จัดตั้งกลุ่มสตรีอย่างน้อย 16 กลุ่ม โดยแต่ละกลุ่มมีสมาชิกมากกว่า 25 คน รวมทั้งกลุ่มเยาวชนที่มีสมาชิกมากกว่า 80 คน ซึ่งทั้งหมดได้รับการฝึกอบรมอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้สามารถมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการฟื้นฟูภูมิทัศน์ที่เสื่อมโทรม

West Pokot ต้องเผชิญกับปัญหาการชะล้างพังทลายของดิน การตัดไม้ทำลายป่า และการเผาถ่านมาเป็นเวลานาน อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่มีการดำเนินโครงการ Transformative Pathways พื้นที่ดังกล่าวก็เริ่มแสดงให้เห็นสัญญาณของการฟื้นตัวที่ดี โครงการทำรั้วที่ขับเคลื่อนโดยชุมชนได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพสูงในการปกป้องและฟื้นฟูพืชพรรณ ผู้เข้าร่วมการประชุมเชิงปฏิบัติการได้ไปเยี่ยมชมพื้นที่ที่มีการทำรั้วป้องกัน ซึ่งสามารถสังเกตเห็นการปรับปรุงที่ชัดเจน โดยต้นไม้เล็กเจริญเติบโตได้ดี และหญ้าคลุมดินมีความหนาแน่นและเขียวชอุ่มมากขึ้น เป้าหมายระยะยาวของ IIN คือการขยายแนวทางปฏิบัติเหล่านี้ ส่งเสริมให้มีการนำเทคนิคการบริหารจัดการที่ดินอย่างยั่งยืนไปปรับใช้ในวงกว้างมากขึ้นในหลายชุมชน

ที่ Naramam ผู้เข้าร่วมยังได้รับโอกาสในการสะท้อนถึงความสำเร็จในภาพรวมของโครงการ Transformative Pathways โดยตระหนักถึงความสำคัญของการแบ่งปันความรู้และการมีส่วนร่วมของชุมชน การเสริมสร้างสิทธิในที่ดินและทรัพยากร และการปรับปรุงคุณภาพชีวิตของคนในท้องถิ่น

“การอนุรักษ์ที่นี่ไม่เพียงเกี่ยวกับการฟื้นฟูระบบนิเวศเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเสริมสร้างอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมและความต่อเนื่องของวัฒนธรรมด้วย” Lucy Mulenkei ผู้อำนวยการบริหารเครือข่ายข้อมูลชนพื้นเมือง กล่าว

การมีส่วนร่วมตลอดแปดวันใน Laboot และ Naramam ไม่ได้เป็นเพียงแค่การประชุมเชิงปฏิบัติการ แต่เป็นการเดินทางแห่งการเรียนรู้ร่วมกัน การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม และการลงมือปฏิบัติร่วมกัน เหตุการณ์ครั้งนี้ได้เน้นย้ำถึงบทบาทอันสำคัญของชนพื้นเมืองและชุมชนท้องถิ่นในการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ บทเรียนที่ได้รับและเครือข่ายที่สร้างขึ้นในระหว่างการรวมตัวครั้งนี้ จะยังคงเป็นแนวทางและแรงบันดาลใจในการสานต่อความพยายามด้านการอนุรักษ์และการพัฒนาอย่างยั่งยืนทั่วทวีปแอฟริกาและในพื้นที่อื่น ๆ ทั่วโลกต่อไป